การเลี้ยงกุ้งเครฟิช(Crayfish) หรือ การเลี้ยงกุ้งก้ามแดง

การเลี้ยงกุ้งเครฟิช(Crayfish) หรือการเลี้ยงกุ้งก้ามแดง นะครับ

       อันดับแรกเรามารู้จักกัน่อนว่ากุ้งเครฟิชคือกุ้งอะไร กุ้งเครฟิชเรียกแบบบ้านๆก็คือ กุ้งมังกรนั่นเองครับ หรือจะเรียกว่า ล็อบเตอร์น้ำจืดก็ได้ และก็แน่นอนว่าต้องเป็นคนละชนิดกับ กุ้งมังกรน้ำเค็มนะครับ เพราะมันอาศัยอยู่ในน้ำจืด โดยกุ้งเครฟิชเนี่ย จะมีเปลือกที่หนา ที่จะคุมส่วนหัว ถึงส่วนอก ส่วนขานั้นจะมี 2 หน้าที่ คือใช้เดินกับว่ายน้ำ โดยจะมีทั้งหมด 5 คู่ โดยคู่ที่อยู่บนสุดก็เหมือนกุ้งทั่วไป จะมีลักษณะป็นก้ามที่แข็งแรง และใช้ป้องกันตัว หรือ ใช้ในการต่อสู้นั่นเอง ส่วนขาที่ใช้ว่ายน้ำนั้นจะเป็นขาแบนๆ

การเลี้ยงกุ้งก้ามแดง ,กุ้งเครฟิช


          ถิ่นกำเนิดอยู่ที่ทวีปอเมริกาเหนือ ยุโรป เอเชียตะวันออก และ ออสเตรเลีย โดยในปัจจับนมีการพบมากกว่า 500 ชนิดแล้ว โดยส่วนใหญ่พบในทวีป อเมริกาเหนือ กุ้งเครฟิตจะอาศัยตัวอยู่ตามโขดหิน หรือใต้ขอนไม้ อาจจะพบได้ตามลำธาร หนองน้ำ และทะเลสาบ

จริงๆแล้วกุ้งเครฟิสนั้นแบ่งออกได้หลายตะกูล แต่ที่นิยมเลี้ยงในประเทศไทยนั้นมีทั้งหมด 3 ตระกูล
  1. Procambarus เรียกง่ายๆตามภาษาบ้านเราก็คือ กุ้งสาย พี หรือางที่เรียกว่า กุ้งก้ามหนาม บางที่แม่ค้าเรียกว่ากุ้งสี ตระกูลนี้มีถิ่นกำเนิดในทวีปอเมริกาและยุโรป
  2. Cherax  เรียกง่ายๆตามภาษาบ้านเราก็คือ กุ้งสาย ซี  บางที่เรียกว่า กุ้งก้ามเรียบ กุ้งป่า ส่วนใหญ่จับมาจากถิ่นกำเนิดในโซนออสเตรเลีย ปาปัวนิวกินี และ อินโดนีเซีย
  3. Cambarellus ทีนี้เราจะเรียก สายซี ซ้ำไม่ได้แล้ว เพราะมีใช้ไปแล้ว เราจึงเรียกกันว่า กุ้งเครแคระ เพราะว่าตัวกุ้งนั้นมีขนาดเล็กเพียง 3-4 เซนติเมตร เท่านั้น

หลักการเลี้ยงกุ้งเครฟิส หรือวิธีเลี้ยงกุ้งก้ามแดง
         แต่ละชนิดก็จะมีหลักการเลี้ยงคล้ายคลึงกัน ไม่ต่างกันมากเท่าไร โดยการเลี้ยงดัดแปลงมาจากอุปนิสัย และที่อยู่อาศัยตามธรรมชาติของมัน 

เข้าใจธรรมชาติของกุ้งเครฟิช หรือกุ้งก้ามแดง เพื่อเข้าใจวิธีเลี้ยงกุ้งก้ามแดง
         อันดับแรกเราต้องเข้าใจธรรมชาติของมันก่อน โดยกุ้งเครฟิชนั้น ไม่ชอบแสงแดด พวกมันจะออกล่าหรือออกหากินในเวลากลางคืน ดังนั้นพวกมันจะใช้เวลากลางวันเป็นเวลาพักผ่อน เราจึงต้องทำที่หลบที่พักผ่อนให้มัน และปิดบังจุดที่มัยสามารถที่จะปีนหนีออกไปได้อีกด้วย ยกเว้นกุ้งที่เราเพาะเลี้ยงมาในบ้านเราจะคุ้นเคยกับการเลี้ยงและการให้อาหาร
ก้ามตามธรรมชาติของกุ้ง ตัวผู้จะมีความแข็งแรงและสวยกว่าของตัวเมีย
กุ้งจะอ่อนแอที่สุดในวันที่ลอกคราบ มักจะถูกตัวอื่นๆรุมทำร้าย หรือถูกจับกินได้ ดังนั้นเราจึงต้องให้อาหารกุ้งอย่างพอเพียง และที่เลี้ยงต้องมีขนาดกว้างพอให้กุ้งสามารถหลบซ่อนตัวเองได้
โดยธรรมชาติ กุ้งจะไม่อยู่รวมกัน อาจจะอยู่รวมกันบ้างเป็นครั้งคราวเพื่อจับคู่ เราจึงไม่ควรเลี้ยงกุ้งรวมกันหลายตัวในสถานที่แคบๆ เพราะถ้ามันหิวถึงแม้จะเป็นคู่ของมันมันก็มีโอกาสที่จะจับกินได้หากอีกฝ่ายอ่อนแอ ดังนั้นที่สำคัญคือ ต้องให้อาหารอย่างเพียงพอ และที่เลี้ยงต้องกว้างพอจะให้มันสามรถหลบซ่อนจากกันได้

ตู้เลี้ยงและอ่างเลี้ยงกุ้งก้ามแดง
          เราจะเลี้ยงไว้ในภาชนะอะไรก็ได้ ที่มีการถ่ายเทน้ำที่ดี ไม่ร้อนจนเกินไป โดยอุณหภูมิที่เหมาะสมคือ 23 - 28 องศา อาจจะเป็นครึ่งบกเครึ่งน้ำก็ได้ น้ำเต็มตู้ก็ได้ น้ำครึ่งตู้ก็ได้ หากเลี้ยงหลายตัวอย่างที่บอกไปก่อนหน้านี้คือ ต้องกว้างพอให้หลบได้ โดยกุ้งขนาด 3-4 นิ้ว 1 ตัว จะใช้พื้นที่อย่างน้อย 1 ฟุต
หากทำการเลี้ยงหลายตัวก็ควรจะเลี้ยงสายพันธ์เดียวกันในตู้เดียว และถ้าจะให้ดีเลยควรมีขนาดพอๆกันด้วย เพื่อที่จะไม่สามารถทำร้ายกันได้ หากมีกุ้งตัวที่มีขนาดเล็กกว่า ถูกจับกินแน่นอน
อย่างที่บอกว่ากุ้งต้องการที่หลบ เพื่อที่จะพักในเวลากลางวัน หรือหลบเพื่อลอกคราบก็แล้วแต่ โดยอาจจะใช้ ท่อพีวีซี ตัดเป็นท่อนๆใส่ลงไป ขอนไม้ กระถางดินเผา กระถางต้นไม้แตก หรือ อะไรก็ได้ที่เจาะเป็นโพรงๆ อย่าลืมปิดส่วนที่คิดว่ากุ้งจะสามารถหนีไปได้นะครับ

          ควรปูพื้นด้วยหินกรวดเล็กๆ ซึ่งจะทำให้กุ้งไม่ตกใจ เพิ่มความสวยงามให้กุ้ง เพราะกุ้งจะปรับตัวตามธรรมชาติ โดยถ้าเน้นหินสีดำสีน้ำตาล จะทำให้กุ้งมีสีเข้มขึ้น นอกจากนี้หากเป็นกุ้งป่ามันจะขุดก้อนกรวดเพื่อใช้เป็นที่หลบภัย นอกจากประโยชน์ต่อตัวกุ้งแล้ว หินกรวดยังช่วยดูดซับตะกอนและเศษอาหาร ทำให้น้ำมีคสามใสไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนบ่อย

การให้อากาศโดยแบบกรองน้ำ
             ถ้าเราเลี้ยงเพียงตัวเดียวแลมีพื้นที่กว้างมาก เราไม่จำเป็นจะต้องมีเครื่องให้อากาศ แต่หากเลี้ยงหลายตัวก็ควรมี แต่กุ้งนั้นใช้อากาศในการหายใจโดยรวมแล้วน้อยกว่าปลามาก สามารถใช้หัวทรายจุ่มลงไป 3-4 นิ้ว กันฟุ้ง หรือไม่ก็ใช้กรองในตู้กรองแขวน กรองกล่องได้ ยกเว้นกรองแผ่นพื้น อาจจะโดนกุ้งขุดและ กรองฟองน้ำอาจจะโดนกุ้งแทะเล่นได้

น้ำ
           อยากที่บอกในตอนแรก อุณหภูมิที่เหมาะสมคือ 23 - 28 องศาเซลเซียส โดยในส่วนของค่า PH จะเป็น 7.5 - 8.5 ที่มีความกระด้างสูง โดยเราสามารถใส่เกลือลงไปเพิ่มได้เล็กน้อย เพราะเกลือนั้นจะช่วยเสริมแร่ธาตุที่มีความจำเป็นในการลอกคราบและ สร้างเปลือกใหม่ของกุ้งได้ และควรทำการเปลี่ยนถ่ายน้ำสัปดาห์ละครั้ง ครั้งละ 30 - 50% ตามการเลี้ยงและการให้อาหาร ที่สำคัญเลย คือคอยเช็คอุณหภูมิและปรับให้อยู่ในช่วง 23 - 28 เสมอ

อาหารกุ้งก้ามแดงและการกิน
         กุ้งเครฟิชนั้นสามารถกินอาหารได้แถบทุกชนิด โดยนิสัยของกุ้งจะกินอาหารได้ทั้งวัน แต่ในทางธรรวมชาติ จะกินพวกพืชผัก รากไม้ ผลไม้ ใบไม้เป็นหลัก แต่ในสถานที่เราเลี้ยงนี้สามารถให้พวก ข้าวโพด มันฝรั่ง ฟักทอง แอปเปิ้ล ถั่วลันเตา และก็พรรณไม้ที่เราตกแต่งตู้ก็อาจจะโดนกินไปด้วย ส่วนอาหารประเภทเนื้อสัตว์นั้น จะเป็น เนื้อ ไก่ เนื้อหมู เนื้อปลา เนื้อกุ้งทะเล หรือเนื้อกุ้งฝอยหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ ถ้าง่ายสุด็คืออาหารสำเร็จรูปครับ

วิธีการเลือกซิ้อกุ้งเครฟิช (Cray fish)
  1. เลือกตัวที่มีอวัยวะครบสมบูรณ์ มีขา 4 คู่ ดวงตาและก้ามครบ 2 ข้าง/
  2. มีเปลือกที่แข็ง และไม่อยู่ในช่วงลอกคราบ
  3. มีการตอบสนองที่ดี เช่น เมื่อถูกรบกวน ยกก้ามป้องกัน หรือหนีอย่างรวดเร็ว และหากถูกใส่ในถาชนะมีความพยายามในการปีนหนี
  4. เลือกจากร้านที่ไว้ใจได้ ดูจากน้ำที่เลี้ยงสะอาดดีไหม
  5. ถ้านำเข้าจากต่างประเทศ ควรได้รับการพักฟื้นแล้ว 1-2 สัปดาห์ขึ้นไป


เครดิต : Lobster farm
ล็อบเตอร์ฟาร์ม ( Lobster Farm ) ศูนย์รวมกุ้งสวยงามน้ำจืด ,กุ้งเครฟิช  หรือ กุ้งล็อบเตอร์น้ำจืด  สั่งซื้อได้ โทร. 081-8570928 

เทคนิคตกปลาทะเล

           ในที่นี้จะเป็นเทคนิคตกปลาทะเล แบบหน้าดินชายฝั่งทะเลครับ โดยคุณ Shadow

           โดยเหยื่อ จะแบ่งออกเป็น 2  เภท เป็นเหยื่อเป็น กับเหยื่อตาย โดยเป้าหมายของเหยื่อทั้งสองนั้นจะต่ากัน โดยในรายของเหยื่อเป็นจะเน้นไปที่ พวกปลาที่ล่าเหยื่อครับ จะเป็น ปลาสาก ปลากระพง หรือไม่ก็ปลาสีเสียดประมาณนี้ครับ ส่วนในด้านของเหยื่อตาย ก็จะเป็นปลาปกติโดยทั่วไปนั่นแหละครบ และการใช้เหยื่อตายจะตกง่ายกว่าเหยื่อเป็นมากครับ เป้าหมายของเหยื่อตายก็จะเป็น ปลาทูแขก ปลาทราย ปู ปลาหมึก ปลากระบอกเป็นต้น โดยเหยื่อส่วนใหญ่จะใช้หมึกแล่ ไม่ก็เนื้อปลาแล่ครับ โดยจะเน้นใช้ไปในการใช้หมึกแล่มากกว่า เพราะเห็นผลมากกว่า

ตกปลาทะเล

           การเลือกคันเบ็ด
1. ควรมีความยาว 9 ฟุต ขึ้นไป
2. weight ของคันควรมีประมาณ 12-25lb
3. ควรมีน้ำหนักเบา และสามารถสปริงตัวได้รวดเร็ว

          การเลือกหมายสำคัญมาก ถ้าเราเลือกหมายดีก็มีไชไปกว่าครึ่งละครับ จิงมั้ยครับ?
     เลือกบริเวณที่มีหินน้อยๆ โดยดูจากการลองลงเหยื่อครั้งแรกๆ ถ้ามีการติดหินบ่อยครั้ง เราก้จะตีใกล้ๆตรงที่เราคิดว่ามีหินมาก เพราะปลาจะไม่อยู่ห่างจากกองหินมากนัก แต่เหตุที่ต้องหลบก้อนหินเพราะ อาจจะทำให้คันเบ็ดเสียหายได้ คงจะไม่คุ้มกับการตกปลาเป็นแน่ครับ

         ช่วงเวลาตกนั้นจะเป็นช่วงเช้ากับช่วงเย็นครับตกกันสบายๆๆ
ช่วงเช้า ตีห้าครึ่งถึงเก้าโมงครึ่ง
ช่วงเย็น สามโมงครึ่งถึงหกโมงครึ่ง
   
ตกปลาทะเล

         การแล่เหยื่อ
   ก็อย่างที่เคยบอกไปแหละครับตกปลาทะเลจะเน้นไปที่เนื้อหมึก ในที่นี้ก็จะเป็นการแล่เนื้อหมึกครับ โดยเหยื่อที่ใช้จะเป็นปลาหมึกล้วย กับ กละปลาหมึกหอม ครับ ยิ่งสดยิ่งได้ผลดีครับ ก็ซื้อมาจากตลาดก็ได้ครับ แต่จริงๆแล้วเราเอาที่เราตกได้มาแร่จะดีมากเลยครับ เพราะรับประกันความสดได้อย่างแน่นอน ที่สำคัญไม่ควรแช่ปลาหมึกโดยตรงกับน้ำแข็งเลยควรใส่ถุงร้อน ถุงละ2-3ตัวครับ ละคงความสดได้นานขึ้น ส่วนวิธีการแล่ก็แล่เป็นชิ้นยาวๆ ส่วนความกว้างก็กว้างไม่เกิน 1 cm นะครับ แล้วเวลาเกี่ยวเหยื่อก็เกี่ยวดีๆนะครับ บางคนนี่เกี่ยวทีเดียวจบนี่ผิดนะครับ ต้องเกี่ยว ละก็ดึงขึ้นมาเกี่ยวอีกหลายๆทีให้ด้านบนเป็นย่นๆ ละด้านล่างก็ปล่อยยาวครับ

     ก็เท่านี้แหละครับเทคนิคการตกปลาทะเลก็อย่างที่ผมบอกเกือบทุกครั้งเทคนิคนี้อาจจะดีในอีกที่แต่ในอีกที่ก็อาจจะใช้ไม่ได้ดีก็ได้ครับ ยังไงก็ต้องลองปรับแต่งกันไปตามแต่ละสถานที่นะครับ เพราะธรรมชาติเป็นสิ่งมหัศจรรย์ครับ ไม่มีสูตรที่ตายตัวหรอก ยังไงก็ขอให้สนุกกับการตกปลานะครับ

เทคนิคเฝ้าปลาจิบน้ำ



บ่อยครั้งที่เราต้องนั่งเรือเพื่อที่จะตามหาหมาย โดยออกค้นหาตามเขื่อนบ้าง เช่นเขื่อนเขาแหลม หรือเขื่อนศรี เราต้องขับเรือออกไปหาไกลๆ คอยมองคอยค้นหาตามหุบ ดงไม้ที่ตายแล้ว หรือแนวสาหร่าย เพื่อที่จะได้ตีเหยื่อปลอมไม่ว่าจะเป็นแบบสุ่ม หรือแบบวงปูพรมก็ตาม ก็ต้องลองตีไปเรื่อยๆ วันๆหนึ่งตีรวมๆกันได้เป็นร้อยๆที ตั้งแต่เช้ายันเย็นก็ยังไม่ได้ปลาสักตัว ยิ่งถ้าเป็นวันหยุดยาวแล้วไปตกติดกันหลายๆวัน มีหวังได้อาการปวดแขนกลับไปมากกว่าปลาเป็นแน่ครับ เลยมีเทคนิคที่ทำให้ไม่ต้องไปตีสุ่มเป็นร้อยๆไม้ทั้งวัน แถมยังไม่ค่อยได้ปลามาอีกด้วยได้แต่ความเมื่อย โดยเทคนิคที่ผมจะบอกคือ การสังเกตครับ เป็นการสังเกตปลาจิบน้ำครับ

ตกปลาช่อน



ธรรมชาติของปลาล่าเหยื่อนะครับ อย่างเช่นปลาชะโด ปลาช่อน ไรอย่างนี้นะครับ มันจะชอบโผล่ขึ้นมาหายใจผิวน้ำอยู่บ่อยๆครับ ซึ่งส่วนใหญ่นักตกปลาก็จะรู้ข้อนี้กันอยู่แล้วนะครับ ว่าเวลาปลาช่อนจิบน้ำมันจะโบกครีบถอยหลังลงช้า ส่วนถ้าเป็นปลาชะโดขึ้นมาจิบนั้น จะค่อยๆม้วนตัวลง วงน้ำ และแน่นอนครับขนาดของปลาชะโดจะใหญ่กว่าปลาช่อน โดยเทคนิคนี้นะครับ ง่ายๆคือให้ออกเรือตามหา หุบ หรือ อ่าว หรือตรงไหนก็ได้อะครับที่ใช้หลบลมได้ ยิ่งถ้ามีตอไม้ขึ้นแถวกลางๆหุบด้วยยิ่งดีเลย เมื่อเจอสถานที่แบบนี้แล้วควรจะเฝ้าดูปลาจิบน้ำที่นี่ครับ ผมจะนั่งเฝ้าคอยดูอยู่ที่หัวเรือครับ เมื่อเราเห็นปลาขึ้นมาจิบน้ำ อย่ารีบทำอะไรครับ ให้ใจเย็นๆเพราะเดี๋ยวมันก็ขึ้นมาอีก อาจไม่ใช่จุดเดิมแต่เป็นบริเวณที่ใกล้เคียง ส่วนเหยื่อที่ใช้ จะเป็นป็อปเปอร์ หรือเหยื่อใบพัดขนาดใหญ่ 9 เซ็นขึ้นไปก็ได้ครับ เพื่อที่จะได้ทำให้ตีได้ไกล และทำให้เกิดเสียงบนน้ำได้มาก ทีนี่ถ้ามีปลาขึ้มาจิบอีกให้ตีเหยื่อให้ห่างเลยจุดที่ปลาขึ้นมาจิบไปซัก 1 เมตร หลังจากเหยื่อได้กระทบน้ำแล้วให้รีบกรอสายทันที ถ้าปลาไม่มุดลงไปใต้น้ำก่อน อาจจะได้ปลาเลยก็ได้ครับ ละนอกจากนี้บางทีอาจจะมีปลาหลายตัวขึ้นมาจิบน้ำพร้อมกัน ถ้าเรากะจังหวะตีปลาดีๆ รับรองมีโอกาสได้มาสักตัวแน่ๆ ส่วนด้านอุปกรณ์ เน้นในส่วนของคันเบ็ด ควรจะใช้แข็งๆขนาดประมาณ 17-20 ปอนด์ ส่วนรอกปิดเบ็ดควรจะให้แน่นๆครับ เพราะว่าบางจังหวะคันเบ็ดอาจจะต้องรับน้ำหนักมาก เนื่องจากไม่ควรจะให้ปลาดำลงไปหาพวกแนวตอไม้ครับ ยิ่งถ้าอยู่ใกล้ๆเรือแล้วด้วยยิ่งต้องรับน้ำหนักมากขึ้น


หวังว่าเทคนิคที่กล่าวมาจะช่วยทุกท่านได้ไม่มากก็น้อยนะครับ หลายๆอย่างก็ต้องคำนึงถึงสถานที่และเวลาที่เปลี่ยนไปด้วยครับ อาจจะต้องปรับแปลงแก้ไขอะไรบ้างถึงกับใช้กับอีกที่ได้ดี ยังไงก็หวังว่าจะมีประโยชน์นะครับ

เรียบเรียงจาก : siamfishing

เหยื่อตกปลา 2


สูตร ขนมปังกล้วยหอม
ส่วนผสม มีขนมปังกาดิเนียร์ 2 แถว และกล้วยหอม 7 ลูก
วิธีทำ นำเอาขนมปังกาดิเนียร์ มาแกะขอบออกให้หมด หลังจากนั้นให้นำมาขนมปังมาฉีกออกเป็นชิ้นเล็กๆ แต่ไม่ถึงกับละเอียด แล้วนำเอาที่ได้มาใส่กาละมังเอาไว้ ต่อจากนั้นให้นำเอากล้วยหอมมาปลอกเปลือกแล้วก็ขยำให้เละแต่อย่าให้เป็นก้อน นำขนมปังใส่ลงไปแล้วนำมาขย้ำกึ่งนวด เพื่อให้ทั้งสองเข้ากันได้ดี และนวดจนเหนียวนุ่มเป็นอันใช้ได้
วิธีใช้ เวลาเราจะไปตกปลานั้นให้หาขนมปังแผ่นเผื่อเอาไว้ด้วยเพื่อจะได้เอาไว้ลองกันเหยื่อและมีผลต่อการวัดเบ็ดให้ฮุ๊คดีอีกด้วยใช้เบ็ดตัวเดียว
ชนิดของปลา ปลาสวาย ดีที่สุด ปลาหนังธรรมชาติทั่วไปใช้ได้

สูตร มาม่าซัง
ส่วนผสม รำอ่อน 1 ก.ก ข้าวสุก 1 ก.ก ขนมปังฝุ่น 1 ก.ก มาม่า 2 ซอง
วิธีทำ นำรำมาร่อนเอากากออก แล้วเอาใส่กาละมังตามด้วยขนมปังฝุ่นเคล้าให้เข้ากันดี เมื่อได้ที่แล้วพักเอาไว้ จากนั้นเอามาม่ามาทำการลวกน้ำร้อนเอาน้ำน้อย ๆ พอสุก แล้วเอามาเทรวมกันเคล้าให้เข้ากันใส่ข้าวสุกลงไปด้วย ระวังอย่าให้ข้าวสุกเป็นก้อนค่อย ๆ เคล้าให้ทั่ว แล้วนำเอาไปตกปลาได้
วิธีใช้ เหยื่อนี้ตกด้วยตระก้อหุ้มรำ เหน็บด้วยขนมปัง หรือจะเกี่ยวด้วยเม็ดโฟมก็ได้ชนิดของปลา ปลาเกล็ด ปลาตะเพียน กระมัง นิล ยี่สก

สูตร ไข่แดงมาแรง
ส่วนผสม ไข่แดงเฉพาะไข่แดงล้วน ๆ เอาไข่ไก่ ขนมปังกาดิเนียร์ 2 แถว
วิธีทำ นำเอาขนมปังมาทำการลอกออกให้หมด เมื่อลอกแล้วฉีกออกเป็นฝอย ๆ ให้หยาบ ๆ จากนั้นนำเอาไข่แดงนำมาผสมใส่ลงไปในขนมปังแล้วทำการเคล้าให้ทั่วกึ่งนวดให้ขนมปังและไข่แดงเข้ากันดี แล้วใส่ถุงปิดปากใส่ตู้เย็นเอาไว้พร้อมที่จะตกได้
วิธีใช้ เมื่อนำเอาไปใช้เอาขนมปังแผ่นเตรียมเอาไปด้วย ก่อนหุ้มนั้นเอาลองเสียก่อนจะทำให้การวัดปลาดีขึ้น
ชนิดของปลา ใช้ตกตามบ่อตกปลา ปลาสวายชอบมาก เป็นเยื่อแข่งได้

สูตร แป้งนึ่ง
ส่วนผสม แป้งข้าวจ้าว 1 ก.ก ข้าวโพดเหลือง 5-6 ฟัก กะทิ 1 ถ้วย
วิธีทำ นำเอาแป้งมาใส่กาละมังจากนั้นนำเอาข้าวโพดมาทำการฝานบาง ๆ ให้เป็นชิ้นเล็ก ๆ แล้วนำเอาส่วนผสมทั้งสองมารวมกันเติมด้วยกระทิแล้วนวดให้ได้ที่ จากนั้นนำมานึ่งให้สุก จนน่ากินก็เป็นอันว่าใช้ได้
วิธีใช้ เมื่อจะใช้ให้เอามีดหั่นเป็นก้อนเล็ก ๆ แล้วเอาไปเกี่ยวเบ็ดตกปลาจะตกแบบเบ็ดตัวเดียวหรือใช้เบ็ดสองตัวก้ได้ลองดูกันก้แล้วกัน
ชนิดของปลา ปลาสวาย เทโพ ตะโกก และปลาเกร็ดชนิดอื่นๆ

สูตร แป้งดิบ
ส่วนผสม แป้งหมักทีหาซื้อได้ตามตลาดสด มาทำการยีให้แตก แล้วเอารำที่ผ่านการร่อนมาใส่รวมกันพร้อมกับตอกไข่ไก่ลงไป แล้วทำการเคล้าส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากันเติมด้วยนมจืดเป็นตัวทำให้นิ่มนวลนวดไปจนได้ที่แล้วนำเอาใส่ถุงปิดให้แน่นเตรียมออกไปตกปลาได้ ไม่ควรหมักทิ้ง
วิธีใช้ ใช้ตกแบบตะกร้อหุ้มรำสูตรไข่มดเอ็กซ์
ชนิดของปลา ปลาเกร็ดและปลาหนังใช้ได้หมดจ๊ะ

เหยื่อตกปลา


          เคล็ดลับในการตกปลานั้น สิ่งสำคัญอย่างหนึ่งคือ เหยื่อ โดยเฉพาะ สูตรเหยื่อตางๆนั้น คนไทยแต่ดั้งเดิมได้คิดคนสั่งสมกันมาแต่โบราณ จนกระทั่งเป็นสูตรถ่ายทอดกันมา ดังนั้นในแต่ละสูตรจึงมีคุณค่าในตัวของมัน เอง สวนใครจะชอบสูตรไหนก็เลือกใช้กันตามใจชอบครับ แต่ก็อย่าลืม ขอบคุณผู้คิดสูตรด้วยนะครับ...

เหยื่อตกปลา

สูตร ขนมกล้วย
ส่วนผสม กล้วยน้ำหว้าสุกงอม 2 หวี แป้งขาวจาวครึ่งกิโล กะทิชาวเกาะ 1 กล่อง มะพราวขูด 1 ขีด
วิธีทํา นําเอากล้วยน้ำหว้าสุกมาขย้ำให้แหลก ในกาละมัง แล้วผสมด้วยแป้ง ขาวเจา จากนั้นนําเอากะทิและมะพราว มาใส่ลงไปทําการขย้ำให้เขากัน สูตรนี้ ไม่ตองใสน้ําตาลเพราะเป็นเหยื่อตกปลาไม่จําเป็นต้องหวานแล้วนําเอาไปนึ่ง จนสุก ก็ใช้ได้
วิธีใช้ เวลาจะใช้ตัดเปนก้อน เกี่ยวเบ็ดตัวเดียว
ชนิดของปลา  ปลาสวาย เทโพ ตะโกก

สูตร มะพร้าวสามแดด
ส่วนผสม มะพร้าวขูด 1 ก.ก รําอ่อนหอม 2 ก.ก ขนมปังฝุ่น 1 ก.ก กากถั่ว เหลือง นมถั่วเหลือง
วิธีทํา นําเอามะพร้าว ขนมปังฝุ่น รํานั้นรอนเสียก่อน ทั้งสามนี้เอามารวมกัน แล้ว จัดการคลุกเคล้าให้เข้ากันให้ดีเติมด้วยกากถั่วเหลืองและนมถั่งเหลืองกะคะเน ดูว่าให้พอดีอย่าให้แฉะหรือแข็งจนเกินไปแล้วเอามาใส่ถุงพลาสติกเก็บเอาไว้ สามวันจึงค่อยนําเอามาใช้
วิธีใช้ เมื่อจะเอาไปใช้นั้นตรวจสอบดูเสียก่อนว่าเหยื่ออยู่ในสภาพอยางไรใช้ ตกแบบตะกรอเบ็ดพวงดีที่สุด ใช้เป็นเหยื่ออ่อยไดอีกด้วย
ชนิดของปลา  ปลาเกร็ดทุกชนิด

สูตร ปลาทูดอง
ส่วนผสม ใส้ปลาทู 1 ก.ก เกลือป่น 5 ช้อนโต้ะ ปลาเบ็ด 1 ก.ก
วิธีทํา นําเอาใส้ปลาทูกับปลาเบ็ดมาเทรวมกัน แล้วเอาเกลือป่นที่เตรียมเอาไว้ แล้วนั้นมาเทลงไปในส่วนผสมทั้ง 2 อย่าง จัดการขย้ำคลุกเคล้าให้เข้ากันดี จากนั้นให้หาภาชนะที่มาใส่เหยื่อแล้วไมเกิดสนิมเป็นพวกพลาสติกดีที่สุด หมักเอาไวสัก 3 วัน
วิธีตก เวลาไปตกใช้ใส้เกี่ยวใส่ เศษปลานั้นเก็บไว้ทําเหยื่ออ่อย ๆ ลงไป มาก ปลาจะเข้าไวขึ้น
ชนิดของปลา ปลาหนัง ตะพาบ ฯลฯ

สูตร ใส้ไก่ดอง
ส่วนผสม ใส่ไก่  1 ก.ก ไข่เป็ด 5 ฟอง เกลือปน 3 ช้อนโต๊ะ รําหอมนิดหน่อย
วิธีทํา นําเอาใส้ไก่มาทําการคัดเลือกเอาแต่ใส้ดี ใส้เสีย หรือที่เรียกวาใส้ขี้นั้น ไม่เอา เลือกเอาแต่ใสที่ดี ๆ จากนั้นเราก็นําเอามาขย้ำกับไข่เป็ดที่เตรียมเอาไว้ แล้วเติมด้วยเกลือปนกันเนาเสียหน่อย รําออมให้พอหอมเสียหน่อยเราก็จะได้ เหยื่อที่มีคุณภาพ เอาไว้ใช้อีก 1 อย่าง แต่ต้องหมักทิ้งไว้  4-5 วันนะ
วิธีใช้ ใช้เกี่ยวเบ็ดตัวเดียวตกปลา จะเกี่ยวโดยรอยเขาไปในสายเบ็ดก็ได้หรือ จะเกี่ยวแบบสลับก็ดี
ชนิดของปลา ปลาหนังทุกชนิด โดยเฉพาะปลากดชอบมาก

มีต่อหน้า 2

หลักและวิธีการจัดตู้ปลา

หลักและวิธีการจัดตู้ปลา


หลักการจัดตู้ปลา
     หลักการจัดตู้ปลาเป็นการจัดสภาพที่อยู่อาศัยของปลาเลียนแบบธรรมชาติภายในตู้ปลา ซึ่งมีพื้นที่จำกัด และเพื่อให้เกิดความสวยงาม ในการจัดตู้ปลานั้น ควรคำนึงถึงพื้นฐานต่าง ๆ ดังต่อไปนี้

     1. ความกลมกลืน หมายถึง การจัดวัสดุอุปกรณ์ให้เกิดความกลมกลืน เช่น ของที่เหมือนกันหรือคล้ายคลึงกันทั้งทางด้านขนาด รูปร่าง สีสัน ผิวพรรณและทิศทาง ซึ่งมี 2 ลักษณะ คือ          ความกลมกลืนทางพฤกษศาสตร์ คือ ความกลมกลืนของพันธุ์ไม้ที่นำมาจัดให้อยู่ในกลุ่มเดียวกัน          ความกลมกลืนทางวัตถุ เช่น หิน กรวด ที่ใช้ประดับตกแต่งตู้ปลาควรเลือกลักษณะผิว และสีสันที่คล้ายคลึงกัน เมื่อนำมาจัดให้อยู่ในกลุ่มเดียวกันแล้วย่อมจะมีความกลมกลืนซึ่งกันและกัน

     2. จุดเด่น ไม่ว่าจะเป็นหิน พันธุ์ไม้น้ำ เปลือกหอย กรวด หรือสิ่งประดิษฐ์ต่าง ๆ ควรคำนวณการจัดตำแหน่งให้เหมาะสม เพื่อให้เกิดจุดเด่นเป็นจุดสนใจสำหรับผู้พบเห็น

     3. จุดเน้น คือ การเน้นจุดใดจุดหนึ่ง ภายในตู้ปลาเป็นกรณีพิเศษ เช่น การจัดตู้ปลาโดยการรองพื้นด้วยกรวดก็จะดูเป็นธรรมดาแต่อาจนำสิ่งประดิษฐ์ไปวางเพื่อแสดงความสำคัญของจุดนั้น

     4. ความสมดุล มีความสำคัญในการจัดตู้ปลามาก เพราะการจัดตู้ปลาแต่ละครั้ง การวางหิน การปลูกพันธุ์ไม้น้ำ หรือการวางสิ่งประดิษฐ์ต่าง ๆ ควรวางให้เกิดความสมดุล เช่น การจัดพันธุ์ไม้น้ำเป็นฉากด้านหลังตู้ ก็ไม่ควรเน้นหนักด้านใดด้านเดียว ควรหาหิน หรือสิ่งประดิษฐ์มาจัดไว้หน้าตู้เพื่อให้เกิดความสมดาลจึงจะเหมาะสม


หลักและวิธีการจัดตู้ปลา


หลักและวิธีการจัดตู้ปลา


วิธีการจัดตู้ปลา       เมื่อมีความเข้าใจสิ่งต่าง ๆ เกี่ยวกับการจัดตู้ปลาแล้ว ย่อมจะทำให้การจัดตู้ปลานั้นสำเร็จรวดเร็วขึ้น ซึ่งวิธีการจัดตู้ปลาแต่ละครั้งจะสวยงามตามแบบธรรมชาติหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับการออกแบบของผู้จัด แต่จะต้องคำนึงถึงวิธีการต่าง ๆ ในการจัดตู้ปลา ดังนี้

      1. การออกแบบในการจัดตู้ปลา ต้องคำนึงถึงความสมดุลของทัศนียภาพภายในตู้ปลา เลือกสถานที่สำหรับจัดวางตู้ปลาได้สัดส่วน และเหมาะสม โดยที่บริเวณนั้นต้องมีอากาศถ่ายเทสะดวก และรับแสงแดดจากธรรมชาติบ้าง ส่วนฐานรองรับน้ำหนักตู้ปลา เมื่อประกอบเข้าด้วยกันต้องเรียบสนิทไม่คลอนแคลน เพราะเมื่อเติมน้ำลงไปในตู้ปลา น้ำหนักตู้ปลาจะเพิ่มมากขึ้น ถ้าพื้นที่วางตู้ปลาไม่สม่ำเสมอก็จะทำให้เกิดแรงกดดันของน้ำ ซึ่งอาจทำให้ตู้ปลาแตกได้

      2. การประกอบชุดแผ่นกรองน้ำใต้ทราย อาจใส่ใยแก้วใต้แผ่นกรองก็ได้ เพื่อช่วยให้ระบบการกรองน้ำดีขึ้น และยังช่วยให้น้ำใสสะอาดอีกด้วยจากนั้นให้ต่อสายยางลมเข้ากับท่อดันน้ำตามจำนวนที่ต้องการ โดยจัดไว้มุมใดมุมหนึ่งของตู้ปลา

      3. การใส่หินและกรวด เมื่อล้างหินหรือกรวดสะอาดดีแล้ว ให้ใส่กรวดทับลงบนแผ่นกรอง ระวังอย่าให้เม็ดกรวดลอดรูลงไปในแผ่นกรอง เพราะอาจทำให้ประสิทธิภาพการกรองลดลง การใส่กรวดควรให้พื้นที่กรวดหนาประมาณ 2-3 นิ้ว โดยไล่ระดับความสูงจากด้านหลังมาด้านหน้า ซึ่งช่วยให้มองดูคล้ายธรรมชาติ และเป็นที่รวมสิ่งปฏิกูล ง่ายต่อระบบการกรอง สำหรับการวางหินนั้น ควรจัดไปพร้อมกาบการใส่กรวดตามตำแหน่งที่กำหนดไว้

      4. การเติมน้ำ เติมน้ำลงไปในตู้ปลาด้วยวิธีดูดน้ำแบบกาลักน้ำ หรือใช้สายยางดูดน้ำเบา ๆ ส่งผ่านกระทบก้อนหิน หรือใช้วัสดุต่าง ๆ มารองรับเพื่อไม่ให้น้ำขุ่น และเม็ดกรวดทรายผิดตำแหน่ง เติมน้ำประมาณ 3 ใน 4 ของตู้ปลาก็พอ

      5. การปลูกพันธุ์ไม้น้ำที่เตรียมไว้ ก่อนลงพันธุ์ไม้น้ำ ควรนำไม้กดพื้นกรวดให้เป็นร่องเล็ก ๆ เสียก่อนจึงปลูก การปลูกต้องปลูกให้พันธุ์ไม้น้ำทรงสูงอยู่ด้านหลัง ส่วนพันธุ์ไม้น้ำทรงเตี้ย จัดให้ลดหลั่นกันลงมาจนถึงหน้าตู้ปลาซึ่งตรงส่วนนี้ควรปล่อยให้โล่งเป็นลานกว้างเพื่อให้ปลาว่ายน้ำเล่นได้อย่างสบาย

      6. หลังจากจัดตู้ปลาเสร็จเรียบร้อยแล้ว ให้ปล่อยน้ำจนถึงระดับที่ต้องการแล้วต่อสายอากาศเข้าเครื่องปั๊ม จึงค่อยนำปลาไปปล่อย เลี้ยงตามความต้องการ

6 เทคนิคที่ทำให้ใช้เหยื่อผิวน้ำได้ดีขึ้น


   คราวนี้เป็นบทความที่นำมาจากเพจ Cocatfish แมวบ้าตก มาฝากนะครับเป็นบทความเกี่ยวกับ 6 เทคนิคหรือ 6เคล็ดลับที่ทำให้ใช้เหยื่อผิวน้ำได้ดีขึ้น



1. คงสั่นหางของคุณซะ - โดยมีเหยื่อปลอมจำนวนไม่น้อย หรือเรียกได้ว่ามากเลยทีเดียวที่ทางผู้ผลิตเขาเนี่ยได้มีการติดตั้ง ขน หรือ พู่ ให้ติดอยู่กับที่ตัวของเบ็ด หรือถ้าเหยื่อของคุณไม่มีมัน ผมว่าก้ควรที่จะติดให้กับมัน เพราะได้มีการยืนยันมามากมายทั้งในการแข่งขัน โดยส่วนใหญ่ผู้ที่แข่งได้อันดับสูงๆ จะมีขนที่เหยื่อปลอมแทบจะทุกคน แต่ก็ไม่ควรติดเยอะเกินไปจนเหยื่อเสียแอคชั่นไปนะครับ

2. เดิน และฮอป - เดิน ไม่ใช่ให้คนตกปลาเดินนะครับ แต่เป็นการเดินเหยื่อ ซึ่งหมายถึงการที่เราตีเหยื่อไป และลากกลับ ให้คอยจินตนาการว่า เหยื่อควรจะเดินเป็นยังไง และก็ทำตามที่จินตนาการให้มันย่องๆ กลับมา ส่วนคำว่าฮอปยั้ยเป็นเสียงน้ำ ให้ลองนึกถึงเหยื่อผิวน้ำอย่าง Rapala Skitter Pop เวลากระตุกให้มาจะมีเสียง "ฮอป" ตรงนี้เขาว่ากันว่ายากนะครับที่จะทำให้ได้เสียงดีๆ แต่ต้องลองสังเกตนะครับว่าปลาที่ต้องการนั้นสนใจเสียงดังหรือเปล่า ถ้าไม่สนใจก็ไม่ต้องทำฮอปครับ

3. Get in Step - ในอันนี้นักตกปลาต้องคอยสังเกตดีๆนะครับ ว่านั้นพื้นที่ๆนั้น ควรเดินเหยื่อยังไง ควรเก็บละหยุดเมื่อใด ควรจะเก็บช้าหรือเก็บเร็ว อันนี้เราต้องคอยสังเกตดีๆ ถ้าเราสามารถจับจังหวะความสนใจของปลาได้ วันนั้นจะเป็นของเรา

4. สีสาด (ตีแหลก) - ถ้าวันนั้นเป็นวันน้ำใส วันนั้นเป็นของเราครับ สิ่งสำคัญในวันแบบนี้ไม่ใช่เทคนิคในการใช้เหยื่ออีกต่อไปครับ แต่เป็นเทคนิคในการตี ต้องตีเร็ว แม่น และที่สำคัญที่สุดนั้นต้องตีไม่ฟู่ เพราะถ้าหากฟู่ วันนั้นจะไม่ใช่วันของเราอีกต่อไป


5. ใช้เหยื่อตัวใหญ่ - ถือได้ว่าเป็นพื้นฐานสำหรับใช้เหยื่อเลยก็ว่าได้ เหยื่อยิ่งใหญ่ยิ่งดีนั้นจริงแต่ถ้าใหญ่เกินไปก็ไม่ดีแน่ครับ ที่บอกว่ายิ่งใหญ่ยิ่งดีเพราะว่าเหยื่อที่ใช้สร้างเสียงนั้นยิ่งตัวใหญ่ยิ่งสร้างเสียงได้ดัง ไม่ใช่แค่เสียงดังนะครับ ฟองน้ำก็จะเยอะ พอเยอะก็จะดึงดูดปลานักล่าเข้ามา ที่สำคัญพอตัวใหญ่เป้าก็ใหญ่ไปด้วย แต่การทำให้เกิดเสียงในเหยื่อขนาดใหญ่นั้นยาก แถมต้องคอยให้เสียงดังในระดับเท่ากันอีกด้วยไม่งั้นจะดูไม่เป็นธรรมชาติ

6. หยุดเพื่อทบทวน - การใช้เหยื่อผิวน้ำถือเป็นเรื่องที่หน้าตื่นเต้น ทำให้ในบางโอกาสเราอาสทำพลาดได้ดังนั้น เราจึงควรขอเวลานอก หรือหยุดคิดทบทวนว่าเราทำพลาดตรงไหน ค่อยๆเปลี่ยนจังหวะไปเรื่อยๆ แล้ววันนั้นจะเป็นวันของเรา