การเลี้ยงกุ้งเครฟิช(Crayfish) หรือ การเลี้ยงกุ้งก้ามแดง

การเลี้ยงกุ้งเครฟิช(Crayfish) หรือการเลี้ยงกุ้งก้ามแดง นะครับ

       อันดับแรกเรามารู้จักกัน่อนว่ากุ้งเครฟิชคือกุ้งอะไร กุ้งเครฟิชเรียกแบบบ้านๆก็คือ กุ้งมังกรนั่นเองครับ หรือจะเรียกว่า ล็อบเตอร์น้ำจืดก็ได้ และก็แน่นอนว่าต้องเป็นคนละชนิดกับ กุ้งมังกรน้ำเค็มนะครับ เพราะมันอาศัยอยู่ในน้ำจืด โดยกุ้งเครฟิชเนี่ย จะมีเปลือกที่หนา ที่จะคุมส่วนหัว ถึงส่วนอก ส่วนขานั้นจะมี 2 หน้าที่ คือใช้เดินกับว่ายน้ำ โดยจะมีทั้งหมด 5 คู่ โดยคู่ที่อยู่บนสุดก็เหมือนกุ้งทั่วไป จะมีลักษณะป็นก้ามที่แข็งแรง และใช้ป้องกันตัว หรือ ใช้ในการต่อสู้นั่นเอง ส่วนขาที่ใช้ว่ายน้ำนั้นจะเป็นขาแบนๆ

การเลี้ยงกุ้งก้ามแดง ,กุ้งเครฟิช


          ถิ่นกำเนิดอยู่ที่ทวีปอเมริกาเหนือ ยุโรป เอเชียตะวันออก และ ออสเตรเลีย โดยในปัจจับนมีการพบมากกว่า 500 ชนิดแล้ว โดยส่วนใหญ่พบในทวีป อเมริกาเหนือ กุ้งเครฟิตจะอาศัยตัวอยู่ตามโขดหิน หรือใต้ขอนไม้ อาจจะพบได้ตามลำธาร หนองน้ำ และทะเลสาบ

จริงๆแล้วกุ้งเครฟิสนั้นแบ่งออกได้หลายตะกูล แต่ที่นิยมเลี้ยงในประเทศไทยนั้นมีทั้งหมด 3 ตระกูล
  1. Procambarus เรียกง่ายๆตามภาษาบ้านเราก็คือ กุ้งสาย พี หรือางที่เรียกว่า กุ้งก้ามหนาม บางที่แม่ค้าเรียกว่ากุ้งสี ตระกูลนี้มีถิ่นกำเนิดในทวีปอเมริกาและยุโรป
  2. Cherax  เรียกง่ายๆตามภาษาบ้านเราก็คือ กุ้งสาย ซี  บางที่เรียกว่า กุ้งก้ามเรียบ กุ้งป่า ส่วนใหญ่จับมาจากถิ่นกำเนิดในโซนออสเตรเลีย ปาปัวนิวกินี และ อินโดนีเซีย
  3. Cambarellus ทีนี้เราจะเรียก สายซี ซ้ำไม่ได้แล้ว เพราะมีใช้ไปแล้ว เราจึงเรียกกันว่า กุ้งเครแคระ เพราะว่าตัวกุ้งนั้นมีขนาดเล็กเพียง 3-4 เซนติเมตร เท่านั้น

หลักการเลี้ยงกุ้งเครฟิส หรือวิธีเลี้ยงกุ้งก้ามแดง
         แต่ละชนิดก็จะมีหลักการเลี้ยงคล้ายคลึงกัน ไม่ต่างกันมากเท่าไร โดยการเลี้ยงดัดแปลงมาจากอุปนิสัย และที่อยู่อาศัยตามธรรมชาติของมัน 

เข้าใจธรรมชาติของกุ้งเครฟิช หรือกุ้งก้ามแดง เพื่อเข้าใจวิธีเลี้ยงกุ้งก้ามแดง
         อันดับแรกเราต้องเข้าใจธรรมชาติของมันก่อน โดยกุ้งเครฟิชนั้น ไม่ชอบแสงแดด พวกมันจะออกล่าหรือออกหากินในเวลากลางคืน ดังนั้นพวกมันจะใช้เวลากลางวันเป็นเวลาพักผ่อน เราจึงต้องทำที่หลบที่พักผ่อนให้มัน และปิดบังจุดที่มัยสามารถที่จะปีนหนีออกไปได้อีกด้วย ยกเว้นกุ้งที่เราเพาะเลี้ยงมาในบ้านเราจะคุ้นเคยกับการเลี้ยงและการให้อาหาร
ก้ามตามธรรมชาติของกุ้ง ตัวผู้จะมีความแข็งแรงและสวยกว่าของตัวเมีย
กุ้งจะอ่อนแอที่สุดในวันที่ลอกคราบ มักจะถูกตัวอื่นๆรุมทำร้าย หรือถูกจับกินได้ ดังนั้นเราจึงต้องให้อาหารกุ้งอย่างพอเพียง และที่เลี้ยงต้องมีขนาดกว้างพอให้กุ้งสามารถหลบซ่อนตัวเองได้
โดยธรรมชาติ กุ้งจะไม่อยู่รวมกัน อาจจะอยู่รวมกันบ้างเป็นครั้งคราวเพื่อจับคู่ เราจึงไม่ควรเลี้ยงกุ้งรวมกันหลายตัวในสถานที่แคบๆ เพราะถ้ามันหิวถึงแม้จะเป็นคู่ของมันมันก็มีโอกาสที่จะจับกินได้หากอีกฝ่ายอ่อนแอ ดังนั้นที่สำคัญคือ ต้องให้อาหารอย่างเพียงพอ และที่เลี้ยงต้องกว้างพอจะให้มันสามรถหลบซ่อนจากกันได้

ตู้เลี้ยงและอ่างเลี้ยงกุ้งก้ามแดง
          เราจะเลี้ยงไว้ในภาชนะอะไรก็ได้ ที่มีการถ่ายเทน้ำที่ดี ไม่ร้อนจนเกินไป โดยอุณหภูมิที่เหมาะสมคือ 23 - 28 องศา อาจจะเป็นครึ่งบกเครึ่งน้ำก็ได้ น้ำเต็มตู้ก็ได้ น้ำครึ่งตู้ก็ได้ หากเลี้ยงหลายตัวอย่างที่บอกไปก่อนหน้านี้คือ ต้องกว้างพอให้หลบได้ โดยกุ้งขนาด 3-4 นิ้ว 1 ตัว จะใช้พื้นที่อย่างน้อย 1 ฟุต
หากทำการเลี้ยงหลายตัวก็ควรจะเลี้ยงสายพันธ์เดียวกันในตู้เดียว และถ้าจะให้ดีเลยควรมีขนาดพอๆกันด้วย เพื่อที่จะไม่สามารถทำร้ายกันได้ หากมีกุ้งตัวที่มีขนาดเล็กกว่า ถูกจับกินแน่นอน
อย่างที่บอกว่ากุ้งต้องการที่หลบ เพื่อที่จะพักในเวลากลางวัน หรือหลบเพื่อลอกคราบก็แล้วแต่ โดยอาจจะใช้ ท่อพีวีซี ตัดเป็นท่อนๆใส่ลงไป ขอนไม้ กระถางดินเผา กระถางต้นไม้แตก หรือ อะไรก็ได้ที่เจาะเป็นโพรงๆ อย่าลืมปิดส่วนที่คิดว่ากุ้งจะสามารถหนีไปได้นะครับ

          ควรปูพื้นด้วยหินกรวดเล็กๆ ซึ่งจะทำให้กุ้งไม่ตกใจ เพิ่มความสวยงามให้กุ้ง เพราะกุ้งจะปรับตัวตามธรรมชาติ โดยถ้าเน้นหินสีดำสีน้ำตาล จะทำให้กุ้งมีสีเข้มขึ้น นอกจากนี้หากเป็นกุ้งป่ามันจะขุดก้อนกรวดเพื่อใช้เป็นที่หลบภัย นอกจากประโยชน์ต่อตัวกุ้งแล้ว หินกรวดยังช่วยดูดซับตะกอนและเศษอาหาร ทำให้น้ำมีคสามใสไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนบ่อย

การให้อากาศโดยแบบกรองน้ำ
             ถ้าเราเลี้ยงเพียงตัวเดียวแลมีพื้นที่กว้างมาก เราไม่จำเป็นจะต้องมีเครื่องให้อากาศ แต่หากเลี้ยงหลายตัวก็ควรมี แต่กุ้งนั้นใช้อากาศในการหายใจโดยรวมแล้วน้อยกว่าปลามาก สามารถใช้หัวทรายจุ่มลงไป 3-4 นิ้ว กันฟุ้ง หรือไม่ก็ใช้กรองในตู้กรองแขวน กรองกล่องได้ ยกเว้นกรองแผ่นพื้น อาจจะโดนกุ้งขุดและ กรองฟองน้ำอาจจะโดนกุ้งแทะเล่นได้

น้ำ
           อยากที่บอกในตอนแรก อุณหภูมิที่เหมาะสมคือ 23 - 28 องศาเซลเซียส โดยในส่วนของค่า PH จะเป็น 7.5 - 8.5 ที่มีความกระด้างสูง โดยเราสามารถใส่เกลือลงไปเพิ่มได้เล็กน้อย เพราะเกลือนั้นจะช่วยเสริมแร่ธาตุที่มีความจำเป็นในการลอกคราบและ สร้างเปลือกใหม่ของกุ้งได้ และควรทำการเปลี่ยนถ่ายน้ำสัปดาห์ละครั้ง ครั้งละ 30 - 50% ตามการเลี้ยงและการให้อาหาร ที่สำคัญเลย คือคอยเช็คอุณหภูมิและปรับให้อยู่ในช่วง 23 - 28 เสมอ

อาหารกุ้งก้ามแดงและการกิน
         กุ้งเครฟิชนั้นสามารถกินอาหารได้แถบทุกชนิด โดยนิสัยของกุ้งจะกินอาหารได้ทั้งวัน แต่ในทางธรรวมชาติ จะกินพวกพืชผัก รากไม้ ผลไม้ ใบไม้เป็นหลัก แต่ในสถานที่เราเลี้ยงนี้สามารถให้พวก ข้าวโพด มันฝรั่ง ฟักทอง แอปเปิ้ล ถั่วลันเตา และก็พรรณไม้ที่เราตกแต่งตู้ก็อาจจะโดนกินไปด้วย ส่วนอาหารประเภทเนื้อสัตว์นั้น จะเป็น เนื้อ ไก่ เนื้อหมู เนื้อปลา เนื้อกุ้งทะเล หรือเนื้อกุ้งฝอยหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ ถ้าง่ายสุด็คืออาหารสำเร็จรูปครับ

วิธีการเลือกซิ้อกุ้งเครฟิช (Cray fish)
  1. เลือกตัวที่มีอวัยวะครบสมบูรณ์ มีขา 4 คู่ ดวงตาและก้ามครบ 2 ข้าง/
  2. มีเปลือกที่แข็ง และไม่อยู่ในช่วงลอกคราบ
  3. มีการตอบสนองที่ดี เช่น เมื่อถูกรบกวน ยกก้ามป้องกัน หรือหนีอย่างรวดเร็ว และหากถูกใส่ในถาชนะมีความพยายามในการปีนหนี
  4. เลือกจากร้านที่ไว้ใจได้ ดูจากน้ำที่เลี้ยงสะอาดดีไหม
  5. ถ้านำเข้าจากต่างประเทศ ควรได้รับการพักฟื้นแล้ว 1-2 สัปดาห์ขึ้นไป


เครดิต : Lobster farm
ล็อบเตอร์ฟาร์ม ( Lobster Farm ) ศูนย์รวมกุ้งสวยงามน้ำจืด ,กุ้งเครฟิช  หรือ กุ้งล็อบเตอร์น้ำจืด  สั่งซื้อได้ โทร. 081-8570928 

แสดงความคิดเห็น